ถ้าหากว่าจะพูดถึงนักกีฬาฟุตบอลตำแหน่งกองหน้าระดับโลกที่แฟนบอลต่างพูดถึงเป็นเสียงเดียวกันว่ามีความสามารถ “เก่งที่สุด” ชื่อแรกที่แฟนบอลนึกถึงก็คงจะต้องเป็นนักเตะเจ้าของฉายา “โล้นทองคำ” โรนัลโด้ นักเตะของทีมชาติบราซิล อย่างแน่นอน และถ้านักเตะคนใดที่ถูกเรียกว่า “โรนัลโด้” ซึ่งแน่นอนว่านักเตะคนนั้นย่อมจะต้องมีฝีเท้าที่เก่งกาจจนสามารถเป็นที่ยอมรับจากเหล่าแฟนลูกหนังจริง ๆ ซึ่งนักเตะในเมืองไทยเองก็ได้มีผู้ที่ถูกเปรียบเปรยไว้ว่าได้เป็น “โรนัลโด้เมืองไทย” นั่นก็คือ “เจมส์” เศกสรรค์ ปิตุรัตน์ อดีตนักเตะตำแหน่งกองหน้าของ ทีมชาติไทย ได้ถูกตั้งฉายาจากสื่อมวลชนว่าเป็นเขาได้เป็น “โรนัลโด้เจมส์” ในช่วงการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ปี 1999 ที่ประเทศบรูไน และด้วยรูปร่างของ “เจมส์” เศกสรรค์ ที่คล้ายกันกับโรนัลโด้ ดาวดังชาวบราซิเลี่ยน อีกอย่างในตอนนั้น “เจมส์” เศกสรรค์ ก็เพิ่งจะผ่านการเกณฑ์ทหารมา เหล่าเพื่อน ๆ ของเขาจึงได้พาเขาไปตัดผมทรงหัวโล้น เพื่อที่เขาจะได้ไม่เหมือนกับทหารเกณฑ์หนีกรมฯ มาเตะฟุตบอลนั่นเอง

 

จุดเริ่มต้นของฉายา “โรนัลโด้เมืองไทย” หรืออีกฉายาว่า “โรนัลโด้เจมส์” มาจากการที่ “เจมส์” เศกสรรค์ ได้เล่นกีฬาฟุตบอลบนดอย ด้วยความที่พื้นเพของ “เจมส์” เศกสรรค์ เป็นชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาตั้งแต่เกิด โดยเขาได้เริ่มเล่นกีฬาฟุตบอลจากการที่ได้แอบตามพี่ชายเพื่อไปเตะฟุตบอลตั้งแต่ที่เขาอายุได้ 5 ขวบ จนเขาได้มีโอกาสเจอโค้ชฟุตบอล ได้สอนถึงพื้นฐานในการเล่นต่าง ๆ ให้ และ “เจมส์” เศกสรรค์ ก็ได้ต่อยอดในการเล่นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง “เจมส์” เศกสรรค์ ได้เป็นตัวแทนของจังหวัดเชียงใหม่ เข้ามาแข่งฟุตบอลในกรุงเทพฯ จนฝีเท้าของเขาไปเตะตาโค้ชผู้ฝึกสอนของโรงเรียนวัดสุทธิวราราม และหลังจากนั้น “เจมส์” เศกสรรค์ ก็ได้สร้างผลงานให้เห็นอยู่เรื่อยมาจนกระทั่ง “เจมส์” เศกสรรค์ ได้ติดทีมชาติไทย

 

และด้วยความที่ “เจมส์” เศกสรรค์ ได้มาจากที่เขาเป็นเด็กดอยคนหนึ่ง แต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อ และกลับได้รับโอกาสได้เป็นถึงนักฟุตบอลศูนย์หน้าในระดับต้น ๆ ของเมืองไทย เล่นคู่กับ ‘ซิโก้’ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง และ วรวุธ ศรีมะคะ และสิ่งที่สำคัญของเขา คือ การทำหน้าที่ของตนเองที่ได้รับผิดชอบให้ดีที่สุด รวมถึงการที่ได้มีเพื่อนร่วมทีมที่ดีอย่างเสมอมา ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สามารถเสริมสร้างความสุขให้กับเขาได้ตลอดในการเล่นฟุตบอล จนทำให้เค้าไม่ท้อต่ออุปสรรค์นั่นเอง

ถึงแม้ว่า “เจมส์” เศกสรรค์ จะมีผลงานการเล่นที่โดดเด่นในการเล่นในตำแหน่งศูนย์หน้า แต่ที่แท้จริงแล้ว “เจมส์” เศกสรรค์ ได้เริ่มต้นเล่นฟุตบอลจากตำแหน่งกองหลัง และตัวกลาง ตลอดการเล่นฟุตบอลให้กับทีมในจังหวัด และเมื่อ “เจมส์” เศกสรรค์ ได้มาเล่นฟุตบอลให้กับโรงเรียนวัดสุทธิวราราม เขาก็โดนปรับตำแหน่งให้ไปเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับ เนื่องจากว่าโค้ชได้เห็นว่า “เจมส์” เศกสรรค์ มีทักษะที่ดี จนกระทั่งเขาได้มาเล่นให้กับสโมสรสินธนา และด้วยความที่ตอนนั้นได้มีนักฟุตบอลดาวรุ่งจำนวนมาก และภายในทีมกำลังขาดนักเตะในตำแหน่งกองหน้า จึงได้รับโอกาสจากโค้ชให้ไปยืนอยู่ในตำแหน่งศูนย์หน้าประจำทีม ก่อนที่จะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนสามารถติดลมบน 131 นัด และทำประตูไปถึง 77 ประตู จนสามารถติดทีมชาติไทยได้ในที่สุด

 

ในสมัยที่ “เจมส์” เศกสรรค์ อยู่ในช่วงที่ฟอร์มการเล่นอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยม เขามักจะยิงลูกที่สวยงามอยู่บ่อยครั้ง ด้วยสไตล์การเล่นของ “โรนัลโด้เจมส์” ที่ไม่เหมือนใครและออกแนวยิงโป้งเดียวจอด เขาได้เป็นนักเตะกองหน้าที่ได้เน้นทักษะในการเคลื่อนที่น้อย แต่เน้นการครองบอลที่ดี และเป็นกองหน้าที่พร้อมที่จะส่งบอลไปซุกยังก้นตาข่ายอยู่เสมอเมื่อบอลอยู่ในกรอบเขตโทษ “เจมส์” เศกสรรค์ ถือได้ว่าเป็นนักเตะจ้าวเวหาอีกคนหนึ่ง ในบรรดานักเตะกองหน้าของ ทีมชาติไทย ในยุคนั้น “เจมส์” เศกสรรค์ เป็นนักเตะที่ได้ซ้อมโหม่งอย่างหนักมาก ๆ แม้แต่บอลย้อนหลังเขาก็สามารถที่จะวิ่งไปโหม่งเพื่อให้บอลเสียบสามเหลี่ยมประตูได้เลย ซึ่งทักษะเหล่านี้ได้เกิดจากการฝึกซ้อมอย่างหนัก ซ้อมชนิดที่ว่า เขาได้มองเห็นว่าบอลที่ลอยอยู่ในอากาศ ช้ากว่าในความเป็นจริง ทำให้เขาสามารถที่จะโฟกัสในการโหม่งได้อย่างยอดเยี่ยม